อุตสาหกรรมฟินเทคในประเทศไทยกำลังอยู่ในเส้นทางที่สดใส โดยมีโอกาสมากมายในการสร้างนวัตกรรมและการขยายตัวในอนาคต ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟินเทคได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการเข้าถึงบริการทางการเงิน และแนวโน้มในอนาคตดูมีแนวโน้มที่ดี
หนึ่งในโอกาสหลักที่เห็นได้ชัดในภาคฟินเทคประเทศไทยคือการชำระเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน การใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปพลิเคชันการชำระเงินได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยบริการเช่น TrueMoney และ LINE Pay ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อเสนอประสบการณ์การทำธุรกรรมที่รวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนคาดว่าจะนำเสนอทางออกใหม่ ๆ สำหรับการชำระเงินข้ามประเทศที่มีประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายต่ำ แพลตฟอร์มเช่น OmiseGo ใช้บล็อกเชนเพื่อประมวลผลการชำระเงินข้ามประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า ซึ่งน่าจะช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยโดยการลดต้นทุนการทำธุรกรรม
นอกจากนี้ ภาคการลงทุนก็มีแนวโน้มที่จะเติบโต โดยการใช้แอปพลิเคชันที่เป็นโรโบแอดไวเซอร์และแพลตฟอร์มการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการลงทุนมาก่อน โดยการให้คำแนะนำที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์และอัลกอริธึม
ฟินเทคในประเทศไทยยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยการเสนอทางเลือกในการเข้าถึงสินเชื่อและการจัดการการเงินที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจ SMEs ต้องการทุนหมุนเวียนเพื่อการขยายกิจการ
อย่างไรก็ตาม สำหรับอนาคต ฟินเทคในประเทศไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่นและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล คำแนะนำคือการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวทางที่จะสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยรวมแล้ว อนาคตของฟินเทคในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีและเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับสตาร์ทอัพฟินเทคที่จะขยายตัวและสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและระดับโลก